หลังจากการณ์ไฟไหม้มหาวิหาร Notre Dame's fire   ซึ่งทำลายหลังคาวิหารที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในฝรั่งเศส และมีภาพไฟไหม้ ได้แพร่ภาพออนไลน์ไปทั่วโลกคู่กับภาพความอดยากในอัฟริกา Starving Child and Vulture และการพูดถึงคนดังมหาเศรษฐีทั่วโลกที่บริจาคเงินเพื่อซ่อมแซมโบสถ์อย่างมากมายมหาศาล ในขณะที่ปัญหาของโลกที่เร่งด่วนเช่นความอดอยากในแอฟริกา ปัญหามลพิษและสิ่งแวดล้อม กลับไม่ค่อยมีใครเหลียวแล แก้ไข



เพื่อตอบสนองต่อเสียงเรียกร้องของสาธารณชน Hansjörg Wyss มหาเศรษฐีผู้ใจบุญและนักอนุรักษ์จากสวิตเซอร์แลนด์ได้ให้คำมั่นว่าจะบริจาค หนึ่งพันล้านเหรียญสหรัฐในอีกสิบปีข้างหน้าเพื่อช่วยเหลือโลกตามคำขอของ UNILAD โดยผ่าน Wyss ของเขาโดยจะระดมทุนทำโครงการวิทยาศาสตร์และสร้างความตระหนักของสาธารณชนเกี่ยวกับความสำคัญของการปกป้องสิ่งแวดล้อม


Wyss ได้กล่าวว่า “ผมได้ตัดสินใจบริจาค 1 พันล้านดอลลาร์ในทศวรรษหน้าเพื่อช่วยเร่งการอนุรักษ์ที่ดินและมหาสมุทรทั่วโลกโดยมีเป้าหมายในการปกป้อง 30% ของพื้นผิวโลกภายในปี 2573”

ความพยายามของ Wyss สืบเนื่องมาจากข้อมูลของนักวิทยาศาสตร์ที่ประเมินว่าสัตว์และพืชจะสูญพันธุ์ ไปในอัตราที่เร็วกว่าก่อนที่จะมีอารยธรรมของมนุษย์ถึงพันเท่า  Wyss กล่าวว่า ตั้งแต่การสร้างอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตนแห่งแรกของโลกในปี 1872 ก็มีเพีง 15% ของแผ่นดินโลกและ 7% ของมหาสมุทรได้รับการอนรักษ์ในสภาพธรรมชาติ

ถึงแม้เป้าหมายที่จะทำให้หนึ่งในสามของโลกที่ได้รับการปกป้องในสิบปีจะไม่เพียงพอในระยะยาวเพราะนักสิ่งแวดล้อมอ้างว่าอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของโลกจะต้องได้รับการปกป้องเพื่อให้สามารถรองรับ ความหลากหลายทางชีวภาพในปัจจุบัน
สำหรับการเริ่มต้น Wyss จะสนับสนุนการวิจัยที่ University of Bern ประเทศสวิตเซอร์แลนด์โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดวิธีการอนุรักษ์ที่มีประสิทธิภาพและเป็นไปได้มากที่สุด เมื่อทำเสร็จแล้วเศรษฐีพันล้านชาวสวิสมีแผนที่จะสนับสนุนความพยายามที่ดำเนินการโดยท้องถิ่นในรูปแบบต่างๆเพื่อปรับปรุงการจัดการอุทยานธรรมชาติและพื้นที่คุ้มครองทั่วโลก


ถ้าเราไม่ช่วยกันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของโลกไว้ และสิ่งมีชีวิตต่างๆมีการสูญพันธุ์ในอัตราปัจจุบันความเสียหายที่จะเกิดใน 50 ปีข้างหน้านักวิทยาศาสตร์ประเมินว่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามล้านปีในการฟื้นคืนสภาพโลกของเราดังเดิม