พายุฝนเยือกแข็ง ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการใช้ชีวิตของคนในเมืองวลาดิวอสต็อก ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นตามฤดูกาล แต่คืออีกปรากฎการณ์ของสภาพภูมิอากาศทั่วโลกที่เปลี่ยนแปลง และส่งผลกระทบต่อการดำรงอยู่ของมนุษย์



พายุดังกล่าวเกิดจากการปะทะกันระหว่างพายุ 2 ลูก ลูกหนึ่งมีอากาศร้อน และอีกลูกหนึ่งมีอากาศหนาวจัด จนกลายเป็นปรากฎการณ์ “ฝนเยือกแข็ง” ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 19 พ.ย.2020 จนกระทั่งทางการต้องประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วทั้งเมือง

บอริส คูเบย์ หัวหน้าหน่วยบริการอุตุนิยมวิทยาประจำภูมิภาค กล่าวถึงสถานการณ์พายุเลวร้ายลงด้วยลมพายุที่พัดกระหน่ำทุกอย่าง ไฟฟ้าถูกตัด เกิดความวุ่นวายในการขนส่ง และมีการปิดโรงเรียน สถานที่ทำงานแทบทั้งหมด



สายไฟและต้นไม้ถูกห่อหุ้มด้วยน้ำแข็งหนาถึง 1.2 ซม. (0.4 นิ้ว) นับว่าเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเห็นในรอบ 30 ปี ทั่วทั้งเมืองวลาดิวอสตอค (Vladivostok ) เมืองทางตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศรัสเซีย เกิดความเสียหายอย่างหนัก “เวลานี้หน่วยกู้ภัยและกองทัพกำลังดิ้นรนเพื่อจัดการกับสภาพบ้านเรือนที่เสียหายอย่างน้อย 150,000 หลังไม่มีไฟฟ้าใช้ พายุที่พัดกระหน่ำทำให้โรงไฟฟ้าในเมืองวลาดิวอสต็อก ต้องปิดตัวลง ทำให้เมืองครึ่งหนึ่งไม่มีไฟฟ้าใช้ นอกจากนี้ น้ำที่เกาะตามต้นไม้ และสายไฟก็กลายเป็นน้ำแข็ง”



มีรายงานจากสื่อท้องถิ่นด้วยว่าโรงพยาบาลบางแห่งในวลาดิวอสต็อกรวมถึงผู้ป่วยโคโรนาที่รักษาผู้ป่วยต้องใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรองเพื่อผลิตไฟฟ้า ด้านวิศวกรไฟฟ้ากำลังทำงานเพื่อฟื้นฟูพลังให้กับโรงพยาบาลเหล่านี้ แต่งานฟื้นฟูมีความซับซ้อนเนื่องจากหิมะและลมในขณะเดียวกันระบบขนส่งสาธารณะและเที่ยวบินเกิดความล่าช้าเป็นเวลานานเนื่องจากสภาพอากาศหนาวจัดขัดขวางการเดินทาง

ข้อมูลอ้างอิง
https://www.bbc.com/news/world-europe-55015516