ช่วงนี้กระแสข่าวอินทผาลัมเริ่มมาแรง ปีนี้เกษตรกรหลายๆท่านประสพความสำเร็จสร้างรายได้ดี เลยมีเพื่อนๆถามมาว่าถ้าจะปลูกอินทผาลัมดีมั๊ย และมีข้อพิจารณาอะไรในการปลูกอินทผาลัม



ก่อนอื่นทำความเข้าใจนิดครับ อินทผาลัมที่ปลูกมี 2 ประเภท คือ ประเภทแรกเป็นอินทผาลัมกินผลแห้ง กับอีกประเภทเป็นอินทผาลัมกินผลสด บ้านเราเหมาะที่จะปลูกพันธ์กินผลสดครับ ส่วนพันธ์กินผลแห้งไม่เหมาะปลูกในบ้านเรา พันธ์กินผลแห้ง เหมาะปลุกในในแถบที่อากาศร้อนจัด และ ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศต่ำ เพราะผลแห้งจะต้องปล่อยผลสุกแห้งคาต้น แต่ถ้าปลุกในบ้านเรามันจะเน่าขึ้นราก่อนที่จะแห้งจนเก็บได้

คราวนี้ข้อคำนึงในการปลุกอินทผาลัมมีอะไรบ้าง

1. ต้นพันธ์ การปลุกอินทผาลัมแนะนำให้ใช้ต้นพันธ์ที่เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อจากแล๊ปที่ดีๆ ของต่างประเทศ  แน่นอนครับข้อแรกเราได้ตัวเมียแน่นอน ส่วนอีกข้อที่สำคัญคือเค้าจะคัดเอาต้นแม่ที่หวานกรอบอร่อยมาชยายเนื้อเยื่อซึ่งจะได้ผลผลิตที่มีรสฝาดน้อยหรือแทบไม่มี ยิ่งถ้าเป็นเนื้อเยื่อจากแล๊ปดีๆ พอตัดจั่นออกมาแล้วเวลาจะกินตัดกิ่งเล็กๆออกมาจากจั่นอีกทีทิ้งไว้วันนึง หวานสนิทไม่ติดฝาดเลย ครับ  ตรงข้ามกับอินผาลัมเพาะเม็ดมันจะมีลักษณะฝาดค่อนข้างสูงซึ่งเป็นลักษณะเด่นของอินทผาลัมแฝงมา ดังนั้นแม้นเอามาเมล็ดจากต้นเนื้อเยื่อหวานๆ หรือต้นเพาะเนื้อเยื่อมาปลูกต่อโอกาสจะมีรสฝาดมากขึ้นมีสูง ดังนั้นถ้าจะปลูกอินทผาลัมข้อแรกแนะให้ใช้ต้นพันธ์เนื้อเยื่อจากแล็ปนอกโดยตรงครับ

2. ต้นพันธ์เนื้อเยื่อราคาสูง อย่างพันธ์บาฮีที่นิยมปลูกทานผลสดในบ้านเราปัจจุบันราคาตกต้นละ 1800-2000 บาท ราคาสูงเอาการแถมช่วงงนี้ของก็ขาดด้วย

3. อินทผาลัมชอบดินทราย และ เจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ร้อน ดังนั้นจึงเหมาะที่จะปลูกทางภาคอิสาน หรือ ทางกาญจนบุรี ในหลายพื้นที่ที่เป็นดินทรายและอากาศร้อน  แต่ ถ้าปลูกทางอืสานต้องระวังเรื่องหนึ่งคือ อินทผาลัมช่วงติดผลต้องการน้ำมากดังนั้น ถึงแม้นว่าทางอิสานจะมีสภาพพื้นดิน และ ภูมิอากาศเหมาะสมก็ตามแต่มักจะติดปัญหาเรื่องน้ำ อินทผาลัมเป็นพืชแปลกครับในช่วงราวกรกฎา- มกรา เค้าจะไม่กินน้ำมากเท่าไหร่ แต่พอเริ่มแทงจั่น คือราวปลายเดือน มกรา-กลางกุมภา หลังจกนี้เค้าเริ่มติดผลจะกินน้ำมากขึ้นเรื่อยๆ อายุเก็บเกี่ยวของอินทผาลัมราว 135-155 วันหลังผสมเกษรช่วง ผลอินทผาลัมอายุได้ 60 วันขึ้นไป เค้าจะกินน้ำมาก ต้องให้น้ำทุกวัน  รดราว 30 นาที-1 ชม ทุกวัน อย่าทำเล่นนะครับช่วงอายุลูก ตั้งแต่ 60 วัน จะตกราวเดือน เมษา เป็นช่วงที่ทางอิสานหาแหล่งน้ำยากมาก แล้วถ้าอินทผาลัมขาดน้ำช่วงนี้ แค่ 3-4 วัน ผลเหี่ยว เสียทั้งสวนเลย ดังนั้นถ้าจะปลูกอินทผาลัม ต้องมั่นใจว่ามีแหล่งน้ำเลี้ยงเค้าให้พอเพียงในช่วงเดือน มีนา เมษา พฤษภา   อย่าหวังจะรอน้ำฝน และต้องคำนึงถึงต้นทุนในการเจาะบ่อบาดาล การขุดบ่อเก็บน้ำ ค่าน้ำมัน ค่าไฟในการสูบน้ำด้วย

4. อายุเก็บเกี่ยวอินผาลัมค่อนข้างสั้น คือ หลังจากอินทผาลัมเข้าสีจนเหลืองหมด จะเริ่มร่วงง่ายยิ่งเจอลมตีแรงๆ ร่วงหายไปได้เยอะเลย ดังนั้นพอแก่ทีต้องตัดกันหมดสวนพรวดๆ ภายในเวลา ไม่กี่วัน ท่านที่จะปลูกต้องมั่นใจว่ามีตลาดเพราะไม่งั้นจะระบายสินค้าลำบากมาก จะเห็นว่าอินผาลัมรุ่นแรกๆที่ออกคือแทงจั่นราว ปลายมกราจะเก็บผลผลิตราว ปลายมิถุนา ราคา จะตก 400 บาทต่อ กก แต่รุ่นหลังๆที่แทงจั่นออกมาราว ปลายกุมภา เก็บผลผลิตราวๆ กลางกรกฎา ราคาจะลงเร็วมาก เหลือ 150-200 บาทต่อกก.

5. ทำการตลาดออนไลน์ หลายๆสวนที่จะขายนสินค้าต่อไปไม่ใช่แค่ อินทผาลัมนะครับ การทำตลาดออนไลน์จะเป็นช่องทางการขายที่จำเป้นอย่างยิ่งในการบริหารจัดการสินค้าเกษตร อย่าคิดว่าทำสวนแล้วถึงเวลาจะเก็บค่อยไปหาไล่ขาย

6. มีความสามารถในการแปรรูปสินค้าและทำตลาดสินค้าแปรรูป เพราะ การบริโภคอินทผาลัมในไทยตลาดจะโตขนาดไหนยังเป็นคำถามอยู่ถ้าผลผลิตประดังออกมาชนกันราคาตกแน่ ดังนั้นเกษตรกรต้องมีการรวมกลุ่มเพื่อแปรรูป และ จำหน่ายผลผลิต

นี่แค่เรื่องเบาะๆที่ต้องคำนึงถึงอย่าเพิ่งมองแต่ข่าวทีตีโครมๆ ว่าเงินล้านๆ ส่วนถ้าท่านใดอ่านแล้วมั่นใจว่าเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ปัญหา เอาอยู่ก็ลองศึกษาในรายละเอียดเพิ่มเติมก่อนลงมือจริง.. ไม่อยากเขียนมากเกินไปเดี๋ยวท่านที่ตั้งใจปลูกจะเสียกำลังใจ ขอให้โชคดีครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก เพจ ใส่ปุ๋ยให้ถูกพืชก็งาม by อ.ภพ Pobsak Panasrithong