“ยางนา” ไม้มีค่าที่ในหลวง ร.9 ทรงเห็นคุณค่าและทรงห่วงใยมากว่า 50 ปี
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร (ในหลวงรัชกาลที่ 9) ได้มีพระราชปรารภเมื่อปี พ.ศ. 2504 ด้วยทรงห่วงในสถานการณ์ของไม้ยางนาเมื่อกว่า 50 ปีที่แล้วว่า “ไม้ยางนาในประเทศไทยได้ถูกตัดไปใช้สอยและทำเป็นสินค้ากันเป็นจำนวนมากขึ้นทุกปี เป็นที่น่าวิตกว่าหากมิได้ทำการบำรุงส่งเสริมและดำเนินการปลูกไม้ยางนาขึ้นแล้ว ปริมาณยางนาก็จะลดน้อยลงไปทุกที จึงควรจะได้มีการดำเนินการวิจัยเกี่ยวกับการปลูกไม้ยางนาเพื่อจะได้นำความรู้ไปใช้ในการปฏิบัติ”
ยางนา
ยางนานั้นปัจจุบันถือเป็นไม้อเนกประสงค์ที่สามารถสร้างมูลค่าได้ไม้แพ้ ไม่ชนิดอื่นๆ แทบทุกส่วนของยางนานั้นสามารถนำทำให้เกิดประโยชน์ต่างๆ ได้มากมาย ทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ต้องการของตลาดมาก ราคาที่ซื้อขายในปัจจุบัน ยางนาที่มีอายุ 15-20 ปี เฉลี่ยจะอยู่ที่ต้นล่ะ 15000 ถึง 25000 บาทเลย ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่สูงมาก น้ำมันยางนั้นเมื่อสกัดออกมา สามารถนำมาใช้เป็นสมุนไพร และส่วนเนื้อไม้ของยางนานั้นเหมาะสำหรับใช้สอยทั่วไป เพราะยางนาเป็นไม้ที่มีเนื้อไม้มาก แต่ปัญหาการที่จะปลูกยางนั้น ปัจจุบันมีข้อกฎหมาย เพราะเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. การที่ใครต้องการนำมาปลูกนั้นจะต้องขออนุญาตให้เรียบร้อยเสียก่อน
วิธีการปลูกนั้น ส่วนมากจะนำผลหรือเมล็ดมาเพาะ ส่วนเมล็ดที่เหมาะแก่การนำมาเพาะนั้นควรเป็นช่วงที่ผลเปลี่ยนสีจาก สีเขียวเป็นสีน้ำตาลอ่อน เมื่อเราเก็บผลจากต้นแล้ว ควรรีบทำการเพราะทันที โดยให้ตัดปีและเพาะลุงในถุงดำใส่ขี้เถ้าแกลบลงไป (ไม่ควรเก็บผลที่หล่นมาเพาะ เพราะจะทำให้ผลยางนาสูญเสียความชื้น) จากการสังเกตพบว่า ถ้าในผลมีความชื้นน้อยเกินไป จะทำให้เปอร์เซ็นต์การงอกนั้นลดลง เมื่อนำมาเพาะในถุงที่เราเตรียมไว้แล้ว ให้รดน้ำให้ชุ่ม แล้วยางนาจะงอกภายในหนึ่งสัปดาห์
การเตรียมพื้นที่สำหรับปลูกกล้าไม้ยางนานั้น ควรทำการไถและพรวนดิน เพราะอัตราการเจริญเติบโตของกล้ายางนาจะเติบโตได้ดีในพื้นที่ ที่มีการเตรียมดิน การปลูกในระยะที่เหมาะสมคือ 4 x 4 เมตร จะทำให้มีเปอร์เซ็นต์รอดที่สูงและเจริญเติบโตได้ดี หลุมที่ปลูกควรให้มีขนาด 30 x 30 x 30 เซนติเมตร และในหลุมก็ควรใส่ดินผิวที่ร่วนซุยลงด้วย หรือใส่บุ๋ยอินทรีย์ลงในหลุมก็ได้ พื้นที่ที่แห้งแล้ง แนะนำให้ใช้โพลีเมอร์ใส่ในหลุมๆ ละ 1 ช้อนโต๊ะ เพื่อให้ช่วยดูดซับน้ำในฤดูฝน และที่สำคัญ มันเป็นแหล่งที่จะให้ความชื้นกล้ายางนาในฤดูแล้งได้เป็นอย่างดี เมื่อทำการปลูกต้นกล้าแล้วควรกลบหลุมให้ได้ระดับผิวดินพอดี ระวังอย่าให้น้ำขัง สำหรับในพื้นที่แห้งแล้งควรกลบหลุมให้เป็นลักษณะแอ่งเล็กๆ รอบโคนต้นเพื่อให้สามารถรับน้ำฝนได้ดี แต่ให้ระวังเรื่องนำขังด้วย ในช่วงฤดูฝนนั้นไม่ควรทำการย้ายกล้าไม้
การดูแลรักษายางนานั้น เมื่อปลูกได้ประมาณ 2 เดือน ควรตรวสอบดูว่า มีหลุมไหนที่ไม่เจริญเติบโต ควรทำการปลูกซ่อมต้นที่ไม่รอดในทันที เพราะถ้าเราใช้กล้าไม้ที่อายุใกล้ๆกันนั้น จะทำให้ต้นยางนาเติบโตได้ไล่เลี่ยกัน ฉะนั้นควรเตรียมกล้าไม้สำหรับแชมต้นที่ไม่รอดด้วยนะ ในส่วนของกล้าไม้ที่เตรียมไว้นั้น เมื่อนานไปรากมักจะแท งทะลุถุงพลาสติกลงในดิน เมื่อเราจะทำการย้ายหรือนำไปปลูกควรทำด้วยความระมัดระวัง อย่าให้รา กขาดหรือกระทบกระเทือน ในส่วนการกำจั ดวั ชพืชนั้น เนื่องจากยางนานั้นปัญหาวั ชพืชไม่รุนแรงมากนัก อาจทำเพียงปีละ 2 ครั้งก็ได้ คือ ประมาณเดือนกันยายนถึงเดือนตุลาคม และอีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ การปลูกนานั้นนับว่าเป็นวิธีการเก็บออมเงินอีกวิธีที่ดีมากๆ เลยทีเดียว
เคล็ดลับทำเงินเพาะเห็ดโคนยางนา เก็บได้ทุกปี
เห็ดเผาะ
เห็ดเผาะ จัดเป็นเชื้อราจำพวกเอคโตไมคอร์ไรซา เช่นเดียวกับเห็ดตับเต่า โดยเจริญอยู่ร่วมกับรากต้นไม้ยืนต้นแบบเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันเพราะเส้นใยของเชื้อราจะเจริญห่อหุ้มรากของต้นไม้ไว้เหมือนนวมซึ่งช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้กับต้นไม้ในฤดูแล้ง ส่วนต้นไม้ได้รับแร่ธาตุบางอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งฟอสฟอรัสที่เชื้อราช่วยย่อยสลายออกมาจากดิน ให้อยู่ในรูปที่ต้นไม้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทันที ทำให้ต้นไม้มีระบบรากที่แข็งแรง เจริญเติบโตได้รวดเร็ว สามารถหาอาหารได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันและควบคุมการเกิดโรคกับระบบรากต้นไม้ได้ด้วย ในขณะเดียวกันต้นไม้ก็ได้ให้ความชื้น แร่ธาตุต่างๆ รวมทั้งสารอาหารบางอย่างแก่เชื้อราดังกล่าว เช่น กรดอะมิโนบางชนิด วิตามินบี และน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว ได้แก่ กลูโคส ฟรุกโตส เป็นต้น เมื่อสภาพแวดล้อมเหมาะสม เส้นใยเชื้อราดังกล่าวจะรวมตัวและพัฒนาเป็นดอกเห็ดบริเวณโคนต้นไม้ ที่มีรากพืชกระจายอยู่ และหากต้นไม้ตาย เชื้อราดังกล่าวก็จะตายไปด้วย
วิธีเพาะเห็ดเผาะกับต้นยางนา
เมื่อดอกเห็ดแก่มากๆ ภายในดอกเห็ดจะมีสปอร์อยู่ เมื่อเขย่าแล้วจะได้ยินเสียงของสปอร์อยู่ข้างใน ซึ่งสปอร์ของเห็ดราบางชนิดสามารถเก็บได้ในปริมาณมาก เช่น เห็ดหัวเข่า เห็ดเผาะ เห็ดลูกฝุ่น และเห็ดทรงกลม เราสามารถนำสปอร์ไปละลายน้ำหรือใช้สปอร์โดยตรงคลุกกับเมล็ดพันธุ์ก่อนเพาะกล้า หรือนำสปอร์ละลายน้ำในอัตราส่วน 1:1000 แล้วฉีดพ่นกับต้นกล้าหรือเมล็ดพันธุ์ที่เพาะในแปลงเพาะ ข้อดีของวิธีการนี้คือ นำไปปฏิบัติได้ง่าย ได้พันธุ์เห็ดที่ทราบชื่อชนิดพันธุ์ได้ แต่มีข้อเสียคือ เราไม่สามารถเก็บสปอร์ในปริมาณมากๆ ได้ ไม่สามารถคัดเลือกสายพันธุ์ที่ดีมีประสิทธิภาพสูง และสปอร์มีระยะพักตัว มีการงอกที่ไม่สม่ำเสมอ สปอร์บางชนิดมีอัตราการงอกต่ำ ต้องใช้วิธีกระตุ้นเป็นพิเศษจึงจะสามารถงอกได้
เห็ดระโงก
เห็ดระโงก เป็นราไมคอร์ไรซา (mycorrhizas) ที่มีความสัมพันธ์กับไม้วงศ์ยางในลักษณะการอยู่ร่วมกันแบบพึ่งพาอาศัยกัน เอื้ออำนวยประโยชน์ซึ่งกันและกันกับเซลล์ของรากพืช โดยที่ต่างฝ่ายก็ได้รับประโยชน์ (mutualistic symbiosis) ราจะช่วยดูดน้ำและธาตุอาหารจากดิน โดยเฉพาะฟอสฟอรัส (P) ให้แก่พืช ส่วนราก็ได้สารอาหารจากพืชที่ขับออกมาทางรากสำหรับใช้ในการเจริญเติบโต เช่น น้ำตาล โปรตีนและวิตามินต่างๆ นอกจากนี้ราไมคอร์ไรซายังช่วยป้องกันรากพืชจากการเข้าทำลายของเชื้อก่อโรคพืช ต้นกล้าที่มีราไมคอร์ไรซาจึงมีการอยู่รอดมากกว่าพืชที่ไม่มีราไมคอร์ไรซา เพราะสามารถทนแล้ง และธาตุอาหารต่ำได้ดีกว่าต้นกล้าที่ไม่มีราไมคอร์ไรซา ซึ่งเมื่อความชื้นและปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ เหมาะสม ราไมคอร์ไรซาจะเจริญและพัฒนาเป็นดอกเห็ดให้เห็นได้
วิธีเพาะเห็ดระโงกนั้นง่ายมากแค่ขยำเห็ดแก่มากๆในน้ำแล้วไปรถตรงโคนต้นยางนาที่โตแล้ว(3 ปีขึ้นไป) แค่นี้ปีหน้าก็ได้กินเห็ดแล้ว
“ยางนา” ไม้ของพ่อ ไม้มีค่าที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงห่วงใย การปลูกเพื่ออนุรักษ์และเพิ่มจำนวนให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ไม้ คนไทยควรมีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมสืบสาน อีกทั้งต่อไปเมื่อกฎหมายป่าไม้ (พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ในมาตรา 7) ได้รับการปลดล็อกแล้ว คือ อนุญาตปลูกไม้หวงห้ามในที่ดินกรรมสิทธิ์เพื่อการค้าได้ รวมถึงไม้ยืนต้น (มีชีวิต) ที่มีมูลค่าสูงทางเศรษฐกิจสามารถใช้เป็น “หลักประกันทางธุรกิจประเภทใหม่” สำหรับกู้เงินกับธนาคารได้ ช่วยเพิ่มโอกาสด้านเงินทุน และยังสร้างรายได้เสริมอีกจากการเพาะเห็ดป่าในสวนไม้ยางนา จำหน่ายควบคู่ไปได้อย่างไม่มีวันหมด
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.forest.go.th/ และ http://www.biotec.or.th/ และ https://www3.rdi.ku.ac.th/
ทำธนาคารน้ำใต้ดินไม่ต้องลงทุนทำได้ทุกเวลา แก้ปัญหาภัยแล้งในระยะยาวลดปัญหาน้ำท่วมขังอีกด้วย
ธนาคารน้ำใต้ดินเป็นนวตกรรมใหม่ที่จะช่วยให้เราสามารถกักเก็บน้ำ ทั้งน้ำฝนหรือน้ำจากแหล่งน้ำ ไว้ใช้ในหน้าแล้ง หลักการง่ายๆ คือหน้าดินทุกวันนี้ส่วนใหญ่จะแน่นจนน้ำไม่สามารถไหลซึมลงได้ ทำให้เวลาฝนตก น้ำก็จะไหลผ่านที่ของเราไปยังทางน้ำ ไหลทิ้งเปล่าๆ ถ้าเราขุดหลุมที่ไม่ลึกมากเอาแค่พ้นชั้นดินแน่นๆ ลงไปแล้วมีท่อให้อากาศระบายออกมา น้ำก็จะไหลลงไปขังไว้ในดินเป็นน้ำบาดาลในที่ของเราแทนที่จะไหลทิ้ง นอกจากนี้น้ำที่ไหลลงไปจะถูกซับไว้ในดินทำให้ดินมีความชุ่มชื้นแต่ไม่ท่วมแฉะอีกด้วย
#วิธีทำธนาคารน้ำใต้ดิน
- ขุดบ่อให้ถึงชั้นหินอุ่มน้ำเหมือนบ่อบาดาลน้ำตื้น
- เอายางรถยนต์หรือท่อกลมใส่ป้องกันขอบบ่อพังทะลาย
- ใส่อากาศ แล้วเอาเศษวัสดุ เช่นขวดแก้ว ก้อนหิน ที่มีน้ำอยู่ 1 ใน 3 เศษปูนต์ ท่อนไม้ให้เต็ม
- ปิดปากหลุมด้วยผ้าใบ เศษหิน กรวด ป้องกันขยะและเศษดินไปอุดตัน
#ประโยชน์ของธนาคารน้ำใต้ดิน
- เวลาฝนตกน้ำจะไหลลงไปใต้ดิน ทำให้น้ำไม่ล้น ไม่ท่วมพื้นที่ น้ำไม่ระเหยง่ายเหมือนเก็บในสระ
- ใช้น้ำทางตรง น้ำจะอยู่ในระบบบาดาล ถ้าจะใช้ก็ขุดบ่อบาดาลน้ำตื้นสูบขึ้นมาใช้ได้เลย
- ใช้น้ำทางอ้อมคือดินบริเวณที่มีธนาคารน้ำจะชุ่มชื้นทั้งปีเพราะมีแหล่งน้ำใต้ดิน
#เทคนิคพิเศษ
- ขุดหลายบ่อตามที่ลุ่มน้ำท่วมขัง จะได้ธนาคารน้ำขนาดใหญ่
- เลือกขุดในจุดที่น้ำไหลมารวมกันหรือน้ำท้วมขังจะได้ผลดีในการกักเก็บ
- ถ้าฝนไม่ตกแต่มีแหล่งน้ำธรรมชาติ พวกคลอง ห้วย ก็ใช้พลังงานแสงอาทิตย์สูบน้ำมาใส่ธนาคารเวลาหน้าแล้งก็ใช้แสงอาทิตย์สูบน้ำกลับมาใช้
กรมป่าไม้แจกฟรีกล้าไม้ ประชาชนรับได้คนละไม่เกิน 1500 ต้น/ปี
ศาสนสถาน หน่วยราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรเอกชนทั่วไป ขอได้หน่วยงานละไม่เกิน 10,000 ต้น/ปี
* มี Link โหลดแบบฟอร์มขอต้นกล้า ต้นไม้ที่แจกแต่ละจังหวัดไม่เหมือนกันโทรสอบถามและรีบจองก่อน
หลักเกณฑ์ในการขอรับกล้าไม้
1. ผู้ขอรับกล้าไม้ต้องยื่นคำขอและมาขอรับกล้าไม้ด้วยตนเอง (ตามแบบคำขอรับกล้าไม้พร้อมหลักฐาน)
2. ตรวจสอบชนิดไม้ที่ต้องการนำไปปลูกว่ามีชนิดไม้ที่ต้องการหรือไม่
3. ติดต่อขอรับกล้าไม้ได้ที่ศูนย์เพาะชำกล้าไม้ สถานีเพาะชำกล้าไม้ และหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่แจกจ่ายกล้าไม้ โดยไม่ต้องชำระค่าธรรมเนียมใด ๆ ทั้งสิ้น
4. ประชาชนทั่วไปสนใจติดต่อขอรับกล้าไม้ได้รายละไม่เกิน 1,500 ต้น/ปีหากมีโครงการปลูกต้นไม้ที่ไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อการค้าและมีพื้นที่เป้าหมายชัดเจน สามารถขอรับกล้าไม้ได้มากกว่ารายละ1,500 ต้น/ปี โดยให้ยื่นหนังสือแสดงโครงการ พร้อมหลักฐานประกอบแนบคำขอ
5. ศาสนสถาน หน่วยราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรเอกชนทั่วไป ขอได้หน่วยงานละไม่เกิน 10,000 ต้น/ปี แต่หากมีโครงการปลูกต้นไม้ที่ไม่มีวัตถุประสงค์ เพื่อการค้าและมีพื้นที่เป้าหมายชัดเจน สามารถขอรับกล้าไม้ได้มากกว่ารายละ10,000 ต้น/ปี โดยให้ยื่นหนังสือแสดงโครงการพร้อมหลักฐานประกอบแนบคำขอ
ดาวโหลดคู่มือประชาชนการปลูกไม้มีค่าทางเศรษฐกิจ
หลักฐานการขอรับกล้าไม้
1. บัตรประชาชน
2. ถ้าเป็นโครงการต้องแนบรายละเอียดโครงการ เอกสารที่ดินและแผนที่สังเขป
การพิจารณา
1. หน่วยงานเพาะชำกล้าไม้ เมื่อได้รับคำขอจะพิจารณาแจกจ่าย
กล้าไม้ได้ตามจำนวนที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงจำนวนผู้ยื่นคำขอ ปริมาณกล้าไม้ที่มีอยู่และจำนวนพื้นที่ปลูกเป็นหลัก
2. เจ้าหน้าที่ผู้ได้รับหนังสือแสดงโครงการจะตรวจสอบหลักฐานเบื้องต้นก่อน หากเป็นโครงการที่สมควรสนับสนุนกล้าไม้ให้พิจารณาเสนอความเห็นเกี่ยวกับจำนวนกล้าไม้ที่ควรสนับสนุน โดยคำนึงถึงเป้าหมายของโครงการ จำนวนผู้ยื่นโครงการ ปริมาณกล้าไม้ที่มี และจำนวนพื้นที่ปลูก เป็นหลัก
หมายเหตุ
หน่วยงานที่แจกจ่ายกล้าไม้จะมีการติดตามประเมินผลการจ่ายกล้าไม้ดังกล่าว โดยวิธีสุ่มตัวอย่าง โดยแบ่งเป็นกลุ่ม ได้แก่ 50 – 1,000 กล้า และมากกว่า 1,000 กล้า ขึ้นไป ในแต่ละกลุ่มให้สุ่มตัวอย่างไม่น้อยกว่าร้อยละ 2 ของผู้มาขอรับกล้าไม้ ตามระเบียบกรมป่าไม้ พ.ศ. 2552
ชื่อหน่วยงาน |
ที่ตั้ง |
หัวหน้าหน่วยงาน |
เบอร์โทร |
เบอร์ Fax |
ศูนย์เพาะชำกล้าไม้ราชบุรี |
ตู้ ปณ. 57 ต.เกาะพลับพลา อ. เมือง จ.ราชบุรี 70000 |
นายราวุฒิ ทานัน |
0 3224 0532, 06 1467 5170 |
0 3224 0532 |
ศูนย์เพาะชำกล้าไม้จันทบุรี |
หมู่ 3 ต.ทับไทร อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี 22140 |
นายสุรนาท ตระกูลน่าเลื่อมใส |
06 2492 6993, 09 3854 8599 |
|
ศูนย์เพาะชำกล้าไม้กรุงเทพฯ |
ถ.เลียบคลองลากฆ้อน หมู่ 2 ต.หน้าไม้ อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี 12140 |
นายศุภกิจ จันทร์กลั่น |
0 2977 6858, 09 2508 1104, 09 4556 1623 |
|
ศูนย์เพาะชำกล้าไม้ฉะเชิงเทรา |
21/6 หมู่ 12 บ้านหนองชุมพร ต.ปากน้ำ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา 24110 |
นายศุภสิทธิ์ ชุนเชาวฤทธิ์ |
08 1294 9147, 08 6902 8588 |
|
ศูนย์เพาะชำกล้าไม้นครราชสีมา |
ถ.นครราชสีมา-ปักธงชัย ต.ปรุใหญ่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา 30000 |
นางดารณี สีโท |
0 4422 2201, 08 1265 7889 |
0 4422 2397 |
ศูนย์เพาะชำกล้าไม้มหาสารคาม |
บ้านกู่ทอง ต.กู่ทอง อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม 44160 |
นางรื่นฤดี วนัสสกุล |
0 4302 9998, 06 4892 0932 |
|
ศูนย์เพาะชำกล้าไม้ยโสธร |
หมู่ 6 บ้านคำบอน ต.ดู่ทุ่ง อ.เมือง จ.ยโสธร 35000 |
นายสมศักดิ์ วนัสสกุล |
0 4597 9978, 08 1964 0943, 08 8564 4342 |
|
ศูนย์เพาะชำกล้าไม้อุดรธานี |
หมู่ 10 บ้านคำกลิ้ง ต.บ้านจั่น อ.เมือง จ.อุดรธานี 41000 |
นายสุธน กมลบูรณ์ |
0 4229 2411, 08 1872 7239 |
0 422 92411 |
ศูนย์เพาะชำกล้าไม้เชียงใหม่ |
71 หมู่ 1 ต.บ้านสหกรณ์ อ. แม่ออน จ. เชียงใหม่ 50130 |
นางอภิระมน ฐิติชยาภรณ์ |
0 5388 0793, 08 6586 8877 |
0 5388 0793 |
ศูนย์เพาะชำกล้าไม้แพร่ |
305 หมู่ 10 ต.แม่จั๊ว อ.เด่นชัย จ.แพร่ 54110 |
นายศิริไชย รัตนภาค |
0 5461 4273, 06 1547 8746 |
0 5461 4273 |
ศูนย์เพาะชำกล้าไม้เพชรบูรณ์ |
หมู่ 12 ต.วังชมภู อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ 67210 |
นายฉัตรชัย อรรถวิทย์ |
06 4013 1930, 09 5457 2302 |
|
ศูนย์เพาะชำกล้าไม้ชุมพร |
หมู่ 7 บ้านสวนทรัพย์ ต.สลุย อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร 86140 |
นางสาวพัชรี บุญย่อย |
0 7761 1125, 09 7928 9354 |
|
ศูนย์เพาะชำกล้าไม้สงขลา |
ต. ฉลุง อ. หาดใหญ่ จ. สงขลา 90110 |
นายไพโรจน์ นัครา |
0 7420 5991, 08 9732 6221 |
0 7420 5991 |
ศูนย์เพาะชำกล้าไม้พัทลุง |
หมู่ 1 ต.ป่าพะยอม อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง 93110 |
นางสาวอภิญญา คงสงค์ |
0 7484 1206-7, 08 4689 3112 |
|
สวนป่าท่องเที่ยว (โครงการพัฒนาสวนป่ายางน้ำกลัดเหนือ-ใต้) |
หมู่ 2 ต.สองพี่น้อง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี 76170 |
นายราวุฒิ ทานัน |
0 3278 8027, 08 7021 1879 |
|
สถานีวนวัฒนวิจัยงาว |
ต.บ้านหวด อ.งาว จ.ลำปาง |
นายสาโรจน์ วัฒนสุขสกุล |
08 1818 6744 |
|
สถานีวนวัฒนวิจัยสะแกราช |
ต.อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา |
นายดุริยะ สถาพร |
08 1880 9318 |
|
สถานีวนวัฒนวิจัยประจวบคีรีขันธ์ |
ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ |
นางชนิษฐา จันทโชติ |
09 3792 6060 |
|
สถานีวนวัฒนวิจัยสงขลา |
ต.ฉลุง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา |
นายสมบูรณ์ บุญยืน |
09 2246 2978 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดเชียงใหม่ |
หมู่ 7 ต.น้ำแพร่ อ.หางดง จ.เชียงใหม่ 50230 |
นายสยาม อินถาโท |
08 5625 4053, 09 6074 3984 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้ (แม่แตง) จังหวัดเชียงใหม่ |
96/7 หมู่ 7 ต.ขี้เหล็ก อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ 50150 |
นายศิริชัย ทองประเสริฐ |
06 1636 1929, 08 4608 2824 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดลำพูน |
หมู่ 10 ต.ทาขุมเงิน อ.แม่ทา จ.ลำพูน 51170 |
นายอุทัยวุฒิ เสาร์ชัย |
08 1952 8988 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดแม่ฮ่องสอน |
229/1 บ้านดงสงัด หมู่ 6 ต.แม่สะเรียง อ.แม่สะเรียง จ. แม่ฮ่องสอน 58110 |
นายทนงศักดิ์ แสงประสิทธิ์ |
08 1955 0421 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้เมืองปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน |
บ้านท่าปาย ต.แม่ฮี้ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน 58130 |
นายพุฒิพงศ์ ชัยนลินพัฒน์ |
08 4425 6326 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดเชียงราย |
123 หมู่ 5 ต.แม่คำ อ.แม่จัน จ.เชียงราย 57240 |
นายธนศักดิ์ วิศิษฐ์ผล |
0 5377 9214, 08 1950 6631 |
0 5377 9214 |
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดพะเยา |
หมู่ 6 ต.ท่าจำปี อ.เมือง จ.พะเยา 56000 |
นายถวิล จันธิยศ |
08 9850 8269 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้เวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย |
ต.แม่เจดีย์ใหม่ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย 57260 |
นายพนัส เชื้อสะอาด |
08 5705 7029 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดลำปาง |
กม.ที่ 771-772 ถ.พหลโยธิน หมู่ 3 ต.แม่หวด อ.งาว จ.ลำปาง 52110 |
นายชัย จันทราคณสกุล |
06 3156 5696 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดอุตรดิตถ์ |
บ้านม่อนหัวฝาย หมู่ 11 ต.บ้านด่านนาขาม อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ 53000 |
นายชาติระวี สัญจร |
08 1879 1722 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้ปากปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ |
หมู่ 3 บ้านห้วยหูด ต.แสนตอ อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ 53110 |
นายพิเชฐ สำนวน |
08 7844 6409, 09 3164 9463 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้สบปราบ จังหวัดลำปาง |
หมู่ 7 ตำบลแม่กัวะ อ.สบปราบ จ.ลำปาง 52170 |
นายเอนก ตาตระกูล |
08 1783 6268 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้แม่ทะ จังหวัดลำปาง |
ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่จาง ถนนสายลำปาง-แพร่ ต.แม่ทะ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง 52150 |
นายประกาสิทธิ์ นางวงค์ |
08 0498 9299 |
|
สวนป่าโครงการแม่ป้าย-แม่สอย จังหวัดลำปาง |
ต.ร่องเคาะ อ.วังเหนือ จ.ลำปาง 52140 |
นายธนากร แก้วหน่อ |
08 5680 7370 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดแพร่ |
140 หมู่ 7 ต.ป่าแมต อ.เมือง จ.แพร่ 54000 |
นายสุภกิจ สืบสุโกศล |
08 1993 2415 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดน่าน |
หมู่ 3 บ้านศรีเกิด ต.ไชยสถาน อ.เมือง จ.น่าน 55000 |
นายลิขิต วงศ์วชิระนนท์ |
08 1783 3182 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้ลอง จังหวัดแพร่ |
หมู่ 5 ต.บ่อเหล็กลอง อ.ลอง จ.แพร่ 54150 |
นายสุวิทย์ จินดาวรรณ |
08 0122 7530, 09 1853 8907 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้เวียงสา จังหวัดน่าน |
หมู่ 4 ต.อ่ายนาไลย อ.เวียงสา จ.น่าน 55110 |
นายอานันท์ ผาทอง |
08 1280 9680 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดตาก |
บ้านท่าตะคร้อ ต.ประดาง อ.วังเจ้า จ.ตาก 63000 |
นายศักดิ์สิทธิ์ ขยายเสียง |
08 5805 2275 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดสุโขทัย |
หมู่ 5 ต.นาทุ่ง อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย 64110 |
นายพิสิษฐ สอนไว |
08 6211 9304 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดกำแพงเพชร |
หมู่ 8 ต.หนองปลิง อ.เมืองกำแพงเพชร จ.กำแพงเพชร 62000 |
นายอนุวัฒน์ จันทสิทธิ์ |
08 6198 8048, 08 6980 8521 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้แม่สอด จังหวัดตาก |
หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ตก.5 (ห้วยไม้แป้น) หมู่ 5 บ้านห้วยไม้แป้น ถ.แม่สอด-อุ้มผาง ต.แม่กุ อ.แม่สอด จ.ตาก 63110 |
นายศิริศักดิ์ ทนงรบ |
08 7054 1735 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดนครสวรรค์ |
หมู่ 4 ต.มหาโพธิ อ.เก้าเลี้ยว จ.นครสวรรค์ 60230 |
นางณิชาพัชร์ มูสิกะวงศ์ |
0 5622 2426, 08 9437 2862 |
0 5622 2426 |
โครงการปรับปรุงป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่วงก์-แม่เปิน |
หมู่ 7 บ้านวังชุมพร ต.แม่วงก์ อ.แม่วงก์ จ.นครสวรรค์ 60150 |
นายอัครพงษ์ อำพิน |
0 5622 2426, 08 1785 6121 |
0 5622 2426 |
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดพิจิตร |
หมู่ 3 ต.เขาเจ็ดลูก อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร 66150 |
นายภัทธณัฐ วงศ์อินทร์ |
0 5622 2426, 08 7831 3166 |
0 5622 2426 |
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดอุทัยธานี |
หมู่ 2 ถ.อุทัยธานี-หนองฉาง กม.15 ต.หนองนางนวล อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี 61110 |
นายมณฑล หนูทอง |
0 5622 2426, 08 9858 5979, 08 1973 7024 |
0 5622 2426 |
สถานีเพาะชำกล้าไม้ลานสัก จังหวัดอุทัยธานี |
หมู่ 9 ต.ลานสัก อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี 66150 |
นายเธียรวิชญ์ มูสิกะวงศ์ |
0 5622 2426, 08 1636 0178 |
0 5622 2426 |
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดพิษณุโลก |
หมู่ 5 ต.ดินทอง อ.วังทอง จ.พิษณุโลก 65130 |
นายบรรจง ศรีใจวงศ์ |
08 1972 6952 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้หล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ |
บ้านดงขวาง หมู่ 11 ต.น้ำชุน อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ 67110 |
นายอนันต์ศักดิ์ รุณทอง |
08 1884 0108 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดสระบุรี |
ต.พุแค อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี 18240 |
นายมงคล วงษ์เนียม |
08 1869 3314 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้มวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี |
ต.มิตรภาพ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี 18180 |
นายพิเชษฐ์ โคกขำ |
06 1616 5119 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดอ่างทอง |
หมู่ 6 ต.บางเจ้าฉ่า อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง 14120 |
นายสำรวย ศักดาเดช |
08 3143 1111 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดสิงห์บุรี |
หมู่ 6 ต.ห้วยชัน อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี 16110 |
นายชัยนาจ ภู่เพชร |
08 9741 9006 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดชัยนาท |
หมู่ 4 ต.บางหลวง อ.สรรพยา จ.ชัยนาท 17150 |
นายพิชัย เหล่าตระกูล |
09 2635 6511 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดลพบุรี |
หมู่ 3 ต.นิคมสร้างตนเอง อ.เมือง จ.ลพบุรี 15210 |
นายถนอมพงษ์ สังข์ธูป |
09 7072 4559 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดพระนครศรีอยุธยา |
หมู่ 4 บ้านบางพระครู ต.บางพระครู อ.นครหลวง จ.อยุธยา 13260 |
นายศิริชัย จัดพล |
09 7284 4728, 09 6726 9559 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดนนทบุรี |
หมู่ 8 ต.คลองข่อย อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี 11120 |
นายสมบัติ ลิบงามเลิศ |
08 1343 0708 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดอุดรธานี |
บ้านเก่าน้อย หมู่ 7 ต.หนองบัว อ.เมือง จ.อุดรธานี 41000 |
นายสุทธิศักดิ์ สุขเกื้อ |
08 6355 2979 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดเลย |
บ้านนาน้ำมัน หมู่ 3 ต.น้ำสวย อ.เมือง จ.เลย 42000 |
นายเอนก สุขสวัสดิ์ |
08 1708 4814, 06 2269 5353 |
|
สวนป่าดงน้อย-ปากปวน จังหวัดเลย |
238 ม.8 บ้านดงน้อย ต.ศรีสงคราม อ.วังสะพุง จ.เลย 42130 |
นายสุรพล จิตต์ดำรงค์ |
08 7238 6776, 09 8121 5644 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดหนองบัวลำภู |
หมู่ 3 ต.บ้านขาม อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู 39000 |
นายเดชา ภูบัวเพชร |
08 1057 7419 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดหนองคาย |
หมู่ 3 ต.หาดคำ อ.เมือง จ.หนองคาย 43000 |
นางสาวกมลวรรณ อุมะมานิต |
08 7165 5383, 08 1729 8090 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดบึงกาฬ |
หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ นค.5 (พรเจริญ) เลขที่ 113 ถ.พังโคน-บึงกาฬ หมู่ 3 ต.พรเจริญ อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ 38180 |
นายสุทิน เขตกระโทก |
08 9710 7434 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้สังคม จังหวัดหนองคาย |
บ้านผาตั้ง หมู่ 1 ต.ผาตั้ง อ.สังคม จ.หนองคาย 43160 |
นางสาวนัฐกาญจน์ พัฒนศักดิ์ |
08 1260 1285 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดนครพนม |
หมู่ 8 บ้านเทพพนม ต.บ้านผึ้ง อ.เมือง จ.นครพนม 38000 |
นายจุมพล ช่างอินทร์ |
0 4251 1505, 08 7224 7704 |
0 4251 1505 |
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดสกลนคร |
ต.โคกภู อ.ภูพาน จ.สกลนคร 47180 |
นายประถม บุญทวี |
09 2251 3645, 08 7950 0869 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดขอนแก่น |
บ้านโนนสวรรค์ ต.โนนสมบูรณ์ กิ่ง อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น 40110 |
นางสุจิตรา อ่อนหวาน |
08 4428 9362 |
0 4333 0728 |
สถานีเพาะชำกล้าไม้บ้านฝาง จังหวัดขอนแก่น |
บ้านแก่นเฒ่า ต.ป่ามะนาว อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น 40270 |
นายประธาน พุกสุข |
06 3224 6596 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดมหาสารคาม |
ต.หัวขวาง อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม 44140 |
นางสาวชลลดา ศรีพิมพ์ |
08 1615 4605 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดกาฬสินธุ์ |
หมู่ 4 บ้านแก ต.อิตื้อ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ 46120 |
นายทวี แก้วภูมิแห่ |
08 1768 4392 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดร้อยเอ็ด |
หมู่ 2 ต.ขวัญเมือง อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด 45120 |
นายไพสิฐ เลิศพุทธิพงศ์พร |
08 1768 4949 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดมุกดาหาร |
หมู่ 1 บ้านคำป่าหลาย ต.คำป่าหลาย อ.เมือง จ.มุกดาหาร 49000 |
นายวิเชียรศักดิ์ เพชรดี |
08 4034 9455 |
|
โครงการพัฒนาป่าไม้ทุ่งกุลาร้องไห้ 1 จังหวัดร้อยเอ็ด |
บ้านสระคู ต.สระคู อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด 45130 |
นายธีภพ โสมปัดทุม |
06 4865 8788 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดอุบลราชธานี |
ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี 34000 |
นายพิษณุสุทธ สุทธการ |
08 9849 2407 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้บุณฑริก จังหวัดอุบลราชธานี |
โครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติ บ้านเจริญชัย หรือ บ้านป่าไม้ หมู่ 14 ต.คอแลน อ.บุณฑริก จ.อุบลราชธานี 34230 |
นายชาญณรงค์ สุวรรณคำ |
06 2434 4487 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดอำนาจเจริญ |
ต.สร้างถ่อน้อย อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ 37240 |
นายไสว คณาเสน |
08 6141 6997 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดศรีสะเกษ |
138 หมู่ 3 ต.หนองไผ่ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ 33000 |
นายประธาน ตันรุ่งเรืองกิจ |
0 4581 4648, 08 3596 2202, 08 9645 0011 |
0 4581 4648 |
โครงการพัฒนาป่าไม้ทุ่งกุลาร้องไห้ 2 จังหวัดศรีสะเกษ |
งานธุรการ: ถ.ศรีสะเกษ-กันทรลักษณ์ ต.หนองครก อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ 33000 ที่ตั้งหน่วยงานเพาะชำกล้าไม้ : บ้านผีผ่อน ต.ค้อวัง อ.ค้อวัง จ.ยโสธร |
นายชวน ธีรวุฒิอุดม |
0 4561 2877, 08 1725 3166 |
0 4561 2877 |
สถานีเพาะชำกล้าไม้หนองเต็ง-จักราช |
หมู่ 5 ต.ช้างทอง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครราชสีมา 30230 |
นายดอน หงษ์เหิน |
08 1954 2045 |
|
สวนป่ากลางดง |
ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30320 |
นายดุสิต กมลพาณิชย์ |
08 4925 9455 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้ปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา |
หมู่ 1 ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30130 |
นายภาณุพงศ์ เตชะปักษ์ |
08 2227 3721 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดสุรินทร์ |
1/4 หมู่ 2 ต.น้ำเขียว อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ 32130 |
นายสุรพล กลิ่นพันธุ์ |
08 1790 4860, 08 9580 5152 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดบุรีรัมย์ |
หมู่ 11 ต.คูเมือง อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ 31190 |
นายอภิรัตน์ พิรุฬห์ |
08 1321 5965 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้ละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ |
55 ม. 4 ต.ตาจง อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ 31170 |
นางดารณี สีโท |
08 1265 7889, 08 6871 4935 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดชัยภูมิ |
ต.ช่อระกา อ.เมือง จ.ชัยภูมิ 36000 |
นายสุทธิเวทย์ สามวัง |
08 3282 6966 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้เทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ |
หมู่ที่ 11 ต.บ้านไร่ อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ 36230 |
นายสุปัน บุตรสมบัติ |
08 1709 3398 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดชลบุรี |
หมู่ 4 ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี 20160 |
นายสายชล พ่วงทอง |
08 1834 6416 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดระยอง |
2/1 หมู่ 7 ถ.แสงจันทร์เนรมิตร ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง 21150 |
นายอูฐ เชาวน์ทวี |
08 9125 0205 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดจันทบุรี |
16/9 หมู่ 6 บ้านอ่าง ต.อ่างคีรี อ.มะขาม จ.จันทบุรี 22150 |
นายสละ เขตรเขื่อน |
08 5236 5309, 09 1716 6933 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดตราด |
บ้านสุขสันต์ หมู่ 1 ต.ด่านชุมพล อ.บ่อไร่ จ.ตราด 23140 |
นายชาตรี ผลทวี |
08 9014 8991 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดปราจีนบุรี |
ต.ทุ่งโพธิ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี 25220 |
นายสุเทพ พุ่มเทศ |
08 6818 8269 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดสระแก้ว |
หมู่ 1 ต.หนองหว้า อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว 27000 |
นายเทียนชัย ปรีดา |
08 1945 8197 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดนครนายก (ทุ่งโพธิ์) |
หมู่ 9 ต.ศรีกระอาง อ.บ้านนา จ.นครนายก 26110 |
นายประสงค์ เกิดแก้ว |
08 1806 6287 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดฉะเชิงเทรา (เขาหินซ้อน) |
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน ต.เขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา 24120 |
นายนิรันดร์ เลิศลักขณาวงศ์ |
08 1639 4742 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้บ้านนา จังหวัดนครนายก |
หมู่ 4 ต.ศรีกระอาง อ.บ้านนา จ.นครนายก 26110 |
นางสาววันทนี ลาภะสิทธินุกุล |
08 1807 6052 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้กบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี |
ต.ลาดตะเคียน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี 25110 |
นางสาวลลิสา สาตะรักษ์ |
08 9154 6509, 08 4650 8137 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดกาญจนบุรี |
ต.ม่วงชุม อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี 71110 |
นายชาญวิทย์ ประชุมรักษ์ |
08 5445 5290 |
0 2565 5498 |
สถานีเพาะชำกล้าไม้พุทธมณฑล |
ถ.พุทธมณฑลสาย 4 ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม 73171 |
นายธีรพล คุ้มทรัพย์ |
08 9824 3599 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดสุพรรณบุรี |
หมู่ 10 ต.เขาพระ อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี 72120 |
นายเทอดธรรม จักรนารายณ์ |
08 6755 5534 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดสมุทรปราการ |
ต.ทรงคนอง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ 10130 |
นายบรรเจิด ถมปัด |
08 3424 1919 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดสมุทรสาคร |
ศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร ชั้น 4 อ.เมือง จ.สมุทรสาคร 74000 |
นายชาติชาย กิมศิริ |
08 9489 1131 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดเพชรบุรี |
ต.ชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี 76120 |
นางสาวธัญยธรณ์ อุดมศักดิ์เวชกุล |
08 1705 0935, 08 7795 1313 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ |
ต.ห้วยทราย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ 77000 |
นายประภาศ ชาประสม |
08 6811 9424 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้เขาย้อย |
ถ.เขาย้อย-หนองหญ้าปล้อง หมู่ 2 ต.เขาย้อย อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี 76140 |
นายรัชชัย สุทธิมา |
09 0935 9159 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดสุราษฏร์ธานี |
173/18 ถ.ห้วยมุด ต.นาสาร อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี 84120 |
นายวรวิทย์ หยูดำ |
06 4731 9321 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดระนอง |
หมู่ 5 ต.ลำเรียง อ.กระบุรี จ.ระนอง 85110 |
นายอรุณ สินบำรุง |
09 3583 5499 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดชุมพร |
หมู่ 6 ต.วังตะกอ อ.หลังสวน จ.ชุมพร 86110 |
นางสาวอัมพร ภักดีแก้ว |
09 4459 7466 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดนครศรีธรรมราช |
ต.นาพรุ อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช 80000 |
นายชัยยุทธ ศิริวัฒน์ |
09 3583 9400 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้ทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช |
ถ.ทุ่งสง-สุราษฎร์ธานี ต.หนองหงส์ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช 80110 |
นายอาคม ง่านวิสุทธิพันธ์ |
09 5419 0099 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดตรัง |
หมู่ 7 ต.ช่อง อ.นาโยง จ.ตรัง 92170 |
นางโสภี บริสุทธิ์ |
08 9646 7901 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดกระบี่ |
105 ม.2 ต.ทับปริก อ.เมือง จ.กระบี่ 81000 |
นายยงยศ หล่อสุพรรณพร |
08 9733 7162 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดพังงา |
54/17 หมู่ 7 ต.นาเตย อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา 82120 |
นายกฤษฎา สุตนพัฒน์ |
06 2398 5828 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดภูเก็ต |
สวนป่าบางขนุน หมู่ 5 ต.เทพกระษัตรี อ.กลาง จ.ภูเก็ต 83110 |
นายสรกฤษณ สิงห์คำ |
08 4766 7644 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดสตูล |
หมู่ 7 ต.ควนกาหลง อ.ควนกาหลง จ.สตูล 91130 |
นายกรภัทร์ ภู่ชยังกูร |
0 7472 1391, 0 7471 1039, 08 9972 7162 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดปัตตานี |
อ.เมือง จ.ปัตตานี 94000 |
นายพินัย ทองเป็นแก้ว |
0 7333 1594, 06 4585 3274 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดนราธิวาส |
อ.เมือง จ.นราธิวาส 96000 |
นายวรวิทย์ ไอยรากาญจนกุล |
08 9739 0029 |
|
สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดยะลา |
อ.เมือง จ.ยะลา 95000 |
นายกิตติพันธุ์ รัตนวงค์ |
08 9596 1110 |
ผบ.มทบ.28 ปลูกผักสวนครัวแบบเกษตรอินทรีย์ ในบริเวณบ้านพักเน้นผักไม่มีความเสี่ยงจากอันตรายที่มาจากการใช้สารเคมีทั้งกับผู้ปลูก ผู้ผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ได้ผลผลิตดีเอามาแจกกำลังพล หวังให้ได้สุขภาพดีและเป็นตัวอย่างให้ทำตามปรัชยาเศรษฐกิจพอเพียง
วันที่ 10 พฤษภาคม 2562 เวลา 0830 พล.ต.เกียรติศักดิ์ วิเวก ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 28 นำผักอินทรีย์ปลอดสารพิษ ที่ ผบ.มทบ.28 ทำการปลูกเองบริเวณบ้านพัก มาแจกจ่ายให้กับกำลังพล เพื่อส่งเสริมการปลูกผักสวนครัวทั่วชุมชมในค่าย ประหยัดค่าใช้จ่าย สิ่งสำคัญคือผักสวนครัวที่ปลูกเองจะปลอดจากสารเคมีอันตราย พร้อมกับนำพันธุ์ผัก มาแจกจ่าย สนับสนุนให้กำลังพลแต่ละบ้านปลูกพืชผักสวนครัวขึ้นหน้าบ้านของตัวเอง เกิดการแบ่งปันอาหารแก่กันจะทำให้ครอบครัวและกำลังพลได้มีปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้น ยิ้มแย้มแจ่มใสกันมากขึ้น รวมทั้งอาจมีกิจกรรมเกิดขึ้นในชุมชนในค่ายมากขึ้นด้วย
สำหรับการดูแลบำรุงรักษานั้นผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 28 ใช้สารชีวภาพที่ทำเองทั้งหมด โดยไม่ใช้สารเคมีเลย ทั้งนี้เพราะ ผบ.มทบ.28 ปลูกเพื่อเอาไว้รับประทานเอง รวมทั้งเอาไปแจกกำลังพล จึงไม่ต้องการที่จะให้สารพิษเข้าไปในร่างกาย มีสุขภาพที่แข็งแรง
อีกสาเหตุหนึ่งที่ ผบ.มทบ.28 นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและการปลูกพืชอินทรีย์มาใช้เนื่องจากว่าต้องการที่จะให้ทหารพันธุ์ดี และทหารกองประจำการได้ศึกษาและลงมือปฏิบัติจริง เมื่อปลดประจำการไปแล้วก็จะได้นำสิ่งที่ได้จากฝึกระเบียบวินัยไปใช้ในชีวิตประจำวันแล้ว ก็จะสามารถนำความรู้ที่ได้จากการทำเกษตรอินทรีย์ไปประกอบอาชีพเลี้ยงตัวได้อีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก เพจ ประชาสัมพันธ์ มณฑลทหารบกที่ 28
#เรื่องที่ฟาร์มปลาไม่เคยบอก CP ไม่เคยเล่า
#ของจริงทำจริงไปดูได้จริง
เลี้ยงปลานิลปลาพระราชา มีรายได้หลักหมื่นแทบไม่มีต้นทุน ทำอย่างไร อ่านดู
1. กระสอบปุ๋ยที่เห็นในน้ำ คือขี้วัวใส่รวมกับเศษหญ้าขนหญ้าเนเปียหญ้าขนและรำข้าว ใส่ไว้ในบ่อ เพื่อให้เกิดสาหร่ายอาหารธรรมชาติของปลานิล ปลายี่สก
2. เอาพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ปลานิล ปลายี่สกมาปล่อย (ไม่เยอะ ดูตามสูตรด้านล่าง)
3. ประมาณ 3 -4 เดือนปลาจะเริ่มขยายพันธุ์ พอมีลูกปลาเล็กๆ ปล่อยปลาดุกลงไป ปลาดุกจะกินลูกปลานิล ปลายี่สก ที่ไม่ค่อยโต อ่อนแอ ซึ่จะเป็นการคัดเลือกสายพันธุ์ โดยธรรมชาติ ปลานิลรุ่นต่อๆไป จะโตขึ้นแข็งแรงขึ้นเอง ในขณะ ที่เราจะได้ปลาดุก ไว้ขายด้วย
4. อาหารปลานิล ปลายี่สก คือ สาหร่ายที่เกิดจากปุ๋ยคอก (ขี้วัวผสมหญ้า) อาหารปลาดุกลูกปลานิล ลูกปลายี่สก ไม่ต้องจ่ายค่าอาหารซักบาท ปลาจะตัวเล็ฏหน่อยก็ไม่เป็นไร เพราะเอาไว้กินเอง เหลือขายเท่าไหร่ก็ได้ เพราะไม่มีต้นทุนค่าอาหาร ขายได้เท่าไหร่ก็กำไรเท่านั้น
5. ปลายี่สกเลี้ยงไว้ลืมๆ ไปแป้บเดียวตัวใหญ่ได้ราคาดี เป็นโบนัส อีกต่างหาก
นี่คือตัวอย่างการสร้างระบบนิเวศน์ แบบพอเพียง ใช้สิ่งที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ ทำเพื่อกินก่อนเหลือแล้วค่อยขาย อย่าหลงผิดกับการกินปลาทับทิมปลานิลหมัน ตัวใหญ่ไขมันเยอะ มาใช้สิ่งที่พ่อหลวงพระราชทานไว้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดดีกว่า
การเลี้ยงปลานิล
ปลานิล เป็นปลาน้ำจืดที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ เป็นปลาที่เลี้ยงง่าย เจริญเติบโตเร็ว และเป็นที่นิยมของผู้บริโภค เนื้อปลามีรสชาติดี ปัจจุบันเกษตรกรนิยมเลี้ยงปลานิลกันอย่างกว้างขวาง สำหรับการเพาะปลานิลในบ่อดินมีวิธีการ ดังต่อไปนี้
1. การเตรียมบ่อเพาะพันธุ์ บ่อดินที่ใช้เป็นบ่อเพาะปลานิลควรเป็นบ่อรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีเนื้อที่ตั้งแต่ 50-1,600 ตารางเมตร สามารถเก็บกักน้ำได้ระดับสูง 1 เมตร บ่อควรมีเชิงลาดตามความเหมาะสม เพื่อป้องกันดินพังทลาย และมี ชานบ่อกว้าง 1-2 เมตร ถ้าเป็นบ่อเก่าก็ควรวิดน้ำและสาดเลนขึ้น ตกแต่งภายในบ่อให้ดินแน่น ใส่โล่ติ๊น กำจัดศัตรูของปลาอัตราส่วนใช้โล่ติ๊นแห้ง 1 กก./ปริมาตรของน้ำ 100 ลูกบาศก์เมตร โรยปูนขาวให้ทั่วบ่อ 1 กก./ พื้นที่บ่อ 10 ตรม. ใส่ปุ่ยคอกแห้ง 300 กก./ไร่ ตากบ่อทิ้งไว้ประมาณ 2-3 วัน จึงเปิดหรือสูบน้ำเข้าบ่อ ผ่านผ้ากรองหรือตะแกรงตาถี่ให้มีระดับสูงประมาณ 1 เมตร การใช้บ่อดินเพาะปลานิลจะมีประสิทธิภาพ ดีกว่าวิธีอื่น เพราะเป็นบ่อที่มีลักษณะคล้ายคลึงธรรมชาติ และการผลิตลูกปลานิลจากบ่อดินจะได้ผลผลิตสูง ต้นทุนต่ำกว่าวิธีอื่น
2. การคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ การคัดเลือกพ่อแม่ปลานิล จากการสังเกตจากลักษณะภายนอกของปลาที่สมบูรณ์ปราศจากเชื้อโรคและบาดแผล สำหรับพ่อแม่ปลาที่พร้อมจะวางไข่นั้นสังเกตได้จากอวัยวะเพศถ้าเป็นปลาตัวเมีย จะมีสีชมพูแดงเรื่อ ส่วนปลาตัวผู้ก็สังเกตได้ จากสีของตัวปลาที่เข้มสดใสโดยเปรียบเทียบกับปลานิล ตัวผู้อื่น ๆ ที่จับขึ้นมา ขนาดของปลาตัวผู้และตัวเมียควรมีขนาดไล่เลี่ยกันคือมีความยาวตั้งแต่ 15-25 เซนติเมตร น้ำหนักตั้งแต่ 150-200 กรัม
3. อัตราส่วนที่ปล่อยพ่อแม่ปลาลงเพาะ ปริมาณพ่อแม่ปลาที่จะนำไปปล่อยในบ่อเพาะ 1 ตัว/4 ตารางเมตร หรือไร่ละ 400 ตัว ควรปล่อยในอัตราส่วนพ่อปลา 2 ตัว /แม่ปลา 3 ตัว เนื่องจากได้สังเกตจากพฤติกรรมในการผสมพันธุ์ของปลาชนิดนี้ ปลาตัวผู้มีสมรรถภาพที่จะผสมพันธุ์กับปลาตัวเมียอื่น ๆ ได้อีก ดังนั้น การเพิ่มอัตราส่วนของปลาตัวเมียให้มากขึ้นคาดว่าจะได้ลูกปลานิลเพิ่มขึ้น
4. การให้อาหารและปุ๋ยในย่อเพาะพันธุ์ การเลี้ยงปลานิลมีความจำเป็นที่จะต้องให้อาหารสมทบ หรืออาหารผสมได้แก่ ปลายข้าว สาหร่าย รำละเอียด ในอัตราส่วน 1:2:3 โดยให้อาหารดังกล่าวแก่พ่อแม่ปลานิลประมาณ 2% ของน้ำหนักตัว ทั้งนี้เพื่อให้ปลานิลใช้เป็นพลังงาน ซึ่งต้องใช้มากกว่าในช่วงการผสมพันธุ์ ส่วนปุ๋ยคอกแห้งก็ต้องใส่ในอัตราส่วนประมาณ 100-200 กก./ไร่/เดือน ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มพูน อาหารธรรมชาติในบ่อ ได้แก่ พืชน้ำขนาดเล็ก ๆ ไรน้ำ และตัวอ่อน อันจะเป็นประโยชน์ต่อลูกปลานิลวัยอ่อนที่หลังจากถุงอาหารยุบตัวลง และจะต้องดำรงชีวิตอยู่ในบ่อเพาะดังกล่าวประมาณ 1 สัปดาห์ ก่อนที่จะย้ายไปเลี้ยงในบ่ออนุบาล ถ้าในบ่อขาดอาหารธรรมชาติดังกล่าว ผลผลิตลูกปลานิลจะได้น้อยเพราะขาดอาหารที่จำเป็นเบื้องต้น หลังจากถุงอาหารได้ยุบตัวลงใหม่ ๆ ก่อนที่ลูกปลานิลจะสามารถกินอาหารสมทบอื่น ๆ ได้ อาหารสมทบ ที่หาได้ง่ายคือ รำข้าว ผสมกับปลาป่น กากถั่ว และวิตามิน นอกจากนี้ แหนเป็ด และสาหร่าย หลายชนิดก็สามารถจะใช้เป็นอาหารเสริมแก่พ่อแม่ปลานิลได้เป็นอย่างดี
ขั้นตอนการเลี้ยงปลานิลในบ่อดิน
1. กำจัดวัชพืชและพันธุ์ไม้น้ำต่าง ๆ เช่น กก หญ้า ผักตบชวาให้หมดโดยนำมากองสุมไว้แห้ง แล้วนำมาใช้เป็นปุ๋ยหมักในขณะที่ปล่อยปลาลงเลี้ยง ถ้าในบ่อเก่ามีเลนมากจำเป็นต้องสาดเลนขึ้นโดยนำไปเสริมคัดดินที่ชำรุด หรือใช้เป็นปุ๋ยแก่พืช ผัก ผลไม้ พร้อมทั้งตกแต่งเชิงลาดและอัดดินให้แน่นด้วย
กำจัดศัตรูของปลานิล ได้แก่ ปลาจำพวกกินเนื้อ เช่น ปลาช่อน ปลาชะโด ปลาหมอ ปลาดุก นอกจากนี้ก็มีสัตว์จำพวก กบ เขียด งู เป็นต้น โดยวิธีระบายน้ำออกให้เหลือน้อยที่สุด การกำจัดศัตรูของปลาอาจใช้โล่ติ๊นสด หรือแห้ง ประมาณ 1 กิโลกรัม ปริมาณของน้ำในบ่อ 100 ลูกบาศก์เมตร คือทุบหรือบดโล่ติ๊นให้ละเอียด นำลงแช่น้ำประมาณ 1-2 ปี๊บ ขยำโล่ติ๊นเพื่อให้น้ำสีขาวออกมาหลาย ๆ ครั้งจนหมดนำไปสาดให้ทั่วบ่อ ศัตรูพวกปลาจะลอยหัวขึ้นมาภายหลังโล่ติ๊นประมาณ 30 นาที ใช้สวิงจับขึ้นมา ที่เหลือตายพื้นบ่อจะลอยในวันรุ่งขึ้น ส่วนศัตรูจำพวกกบเขียดงูจะหนีออกจากบ่อไป และก่อนปล่อยปลาลงเลี้ยง ควรจะทิ้งระยะไว้ประมาณ 7 วัน เพื่อให้ฤทธิ์ของโล่ติ๊นสลายตัวไปหมดเสียก่อน
2. การใส่ปุ๋ย โดยปกติแล้วอุปนิสัยในการกินอาหารของปลานิลจะกินอาหารจำพวกแพลงก์ตอนพืช และสัตว์ แหน สาหร่าย ฯลฯ ดังนั้น ในบ่อเลี้ยงปลาควรให้อาหารธรรมชาติดังกล่าวเกิดขึ้นอยู่เสมอ จึงจำเป็นต้องใส่ปุ๋ยลงไปเพื่อละลายเป็นธาตุอาหาร ซึ่งพืชน้ำขนาดเล็กจำเป็นใช้ในการปรุงอาหารและเจริญเติบโตโดยกระบวนการสังเคราะห์แสง ซึ่งเป็นโซ่อาหารอันดับต่อไป คือ แพลงก์ตอนสัตว์ ได้แก่ ไร่น้ำ และตัวอ่อนของแมลง ปุ๋ยที่ใช้ ได้แก่ มูลวัว ควาย หมู เป็ด ไก่ นอกจากปุ๋ย ที่ได้จากมูลสัตว์แล้วก็อาจใช้ปุ๋ยหมักจำพวกหญ้าและฟางข้าวปุ๋ยสดต่าง ๆ ได้เช่นเดียวกัน
อัตราส่วนการใส่ปุ๋ยคอกในระยะแรก ควรใส่ประมาณ 250-300 กก./ไร่/เดือน ส่วนในระยะหลัง ควรลดลงเพียงครึ่งหนึ่ง หรือสังเกตจากสีของน้ำในบ่อ ถ้ายังมีสีเขียวอ่อนแสดงว่ามีอาหารธรรมชาติ เพียงพอ ถ้าน้ำใส่ปราศจากอาหาร ธรรมชาติก็เพิ่มอัตราส่วนให้มากขึ้น และในกรณีที่หาปุ๋ยคอกไม่ได้ก็ อาจใช้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์ สูตร 15 : 15 : 15 ใส่ประมาณ 5 กก./ไร่/เดือน ก็ได้ วิธีใส่ปุ๋ย ถ้าเป็นปุ๋ยคอกควรตาก บ่อให้แห้งเสียก่อน เพราะปุ๋ยสดจะทำให้น้ำมีแก๊สจำพวกแอมโมเนียละลายอยู่น้ำหนักมากเป็นอัตรายต่อ ปลา การใส่ปุ๋ยคอกใช้วิธีหว่านลงไปในบ่อให้ละลายน้ำทั่ว ๆ บ่อ ส่วนปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยสดนั้นควร กองสุมไว้ ตามมุมบ่อ 2-3 แห่ง โดยมีไม้ปักล้อมเป็นคอกรอบกองปุ๋ยเพื่อป้องกันมิให้ส่วนที่ยังไม่สลายตัว กระจัดกระจาย
3. อัตราปล่อยปลาเลี้ยงในบ่อดิน ขึ้นอยู่กับคุณภาพน้ำ อาหาร และการจัดการเป็นสำคัญ โดยทั่วไป จะปล่อยลูกปลาขนาด 3-5 ซม. ลงเลี้ยงในอัตรา 1-3 ตัว/ตารางเมตร หรือ 2,000 - 5,000 ตัว/ไร่
4. การให้อาหาร การใส่ปุ๋ยเป็นการให้อาหารแก่ปลานิลที่สำคัญมากวิธีหนึ่ง เพราะจะได้อาหารธรรมชาติ ที่มีโปรตีนสูงและราคาถูก แต่เพื่อเป็นการเร่งให้ปลาที่เลี้ยงเจริญเติบโตขึ้นหรือถูกต้องตามหลักวิชาการ จึงควรให้อาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรทเป็นอาหารสมทบด้วย เช่น รำ ปลายข้าว กากมะพร้าว มันสำปะหลัง หั่นต้ม ให้สุก และเศษเหลือของอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น กากถั่วเหลืองจากโรงทำเต้าหู้ กากถั่วลิสง อาหารผสมซึ่งมีปลาป่น รำข้าว ปลายข้าว มีจำนวนโปรตีนประมาณ 20% เศษอาหารที่เหลือจากโรงครัวหรือภัตตาคาร อาหารประเภทพืชผัก เช่น แหนเป็น สาหร่าย ผักตบชวาสับให้ละเอียด เป็นต้น อาหารสมทบเหล่านี้ควรเลือกชนิดที่มีราคาถูกและหาได้สะดวกส่วนปริมาณที่ให้ก็ไม่ควรเป็น 4% ของน้ำหนักปลาที่เลี้ยง หรือจะใช้วิธีสังเกตจากปลาที่ขึ้นมากินอาหารจากจุดที่ให้เป็นประจำ คือ ถ้ายังมีปลานิลออกันอยู่มากเพื่อรอกินอาหารก็เพิ่มจำนวนอาหารมากขึ้นตามลำดับทุก 1-2 สัปดาห์ ในการให้อาหารสมทบมีข้อพึงควรระวัง คือ ถ้าปลากินไม่หมด อาหารจมพื้นบ่อ หรือละลายน้ำมากก็ทำให้เกิดน้ำเน่าเสียเป็นอันตรายต่อปลาที่เลี้ยง และ/หรือต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายในการสูบถ่าย เปลี่ยนน้ำบ่อย ๆ
การเจริญเติบโตและผลผลิต
ปลานิลเป็นปลาที่มีการเจริญเติบโตเร็ว เมื่อได้รับการเลี้ยงดูอย่างถูกต้องจะมีขนาดเฉลี่ย 500 กรัม ในเวลา 1 ปี ผลผลิตไม่น้อยกว่า 500 กก./ไร่/ปี ในกรณีที่เลี้ยงในกระชังที่คุณภาพน้ำดีมีอาหารสมทบอย่างสมบูรณ์ สามารถให้ผลผลิตไม่น้อยกว่า 5 กิโลกรัม/ลูกบาศก์เมตร
การจับจำหน่ายและการตลาด
ระยะเวลาการจับจำหน่าย ไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับขนาดของปลานิลและความต้องการของตลาด โดยทั่วไปเป็นปลานิลที่ปล่อยลงเลี้ยงในบ่อรุ่นเดียวกัน ก็จะใช้เวลาประมาณ 1 ปี จึงจะจับจำหน่าย เพราะปลานิลที่ได้จะมีน้ำหนักประมาณ 2-3 ตัวต่อกิโลกรัม ซึ่งเป็นขนาดที่ตลาดที่ต้องการส่วนปลานิล ที่ปล่อยลงเลี้ยงหลายรุ่นในบ่อเดียวกัน ระยะเวลาการจับจ่ายจำหน่ายก็ขึ้นอยู่กับราคาปลาและความต้อง การของผู้ซื้อการจับปลาทำได้ 2 วิธี ดังนี้
1. จับปลาแบบไม่วิดบ่อแห้ง จะใช้อวนตาห่างจับปลา เพราะจะได้ปลาที่มีขนาดใหญ่ตามที่ต้องการ การตีอวนจับปลากระทำโดยผู้จับจำหน่ายและยืนเรียงแถวหน้ากระดานโดยมีระยะห่างกันประมาณ 4.50 เมตร โดยอยู่ทางด้านหนึ่งของบ่อแล้วลากอวนไปยังอีกด้านหนึ่งของบ่อตามความยาวแล้วยกอวนขึ้น หลักจากนั้นก็นำสวิงตักปลาใส่เข่งเพื่อชั่งขาย ทำเช่นนี้เรื่อยไปจนได้ปริมาณตามที่ต้องการ ส่วนปลาเล็ก ก็คงปล่อยเลี้ยง
2. จับปลาแบบวิดบ่อแห้ง ก่อนทำการจับปลาจะต้องสูบน้ำออกจากบ่อให้เหลือน้อยแล้วจึงตีอวนจับปลาเช่นเดียวกับวิธีแรก จนกระทั่งปลาเหลือจำนวนน้อยจึงสูบน้ำออกจากบ่ออีกครั้งหนึ่ง และขณะเดียวกันก็ตีน้ำไล่ปลาให้ไปรวมกันอยู่ในร่องบ่อ ร่องบ่อนี้จะเป็นส่วนที่ลึกอยู่ด้านหนึ่งของบ่อเมื่อนำไปบ่อแห้ง ปลาก็จะมารวมกันอยู่ที่ร่องบ่อ และเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาก็จับปลาขึ้นจำหน่ายต่อไป การจับปลาลักษณะนี้ส่วนใหญ่จำทำทุกปีในฤดูแล้ง เพื่อตากบ่อให้แห้งและเริ่มต้นเลี้ยงปลาในฤดูการผลิตต่อไป
ตลาดของปลานิลส่วนใหญ่ยังใช้บริโภคภายในต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม มีโรงงานห้องเย็นเริ่มรับซื้อ ปลานิล ปลานิลแดง เพื่อแปรรูปส่งออกจำหน่ายต่างประเทศ เช่น ประเทศสหรัฐอมริกา อิตาลี ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย เป็นต้น โดยโรงงานจะรับซื้อ ปลาขนาด 400 กรัม ขึ้นไป เพื่อแช่แข็งส่งออกทั้งตัว และรับ ซื้อปลา ขนาด 100-400 กรัม เพื่อแล่เฉพาะเนื้อแช่แข็ง หรือนำไปแปรรูปเพื่อส่งออกต่อไป
ข้อมูลจาก http://thailand.gms-ain.org/Z_Show.asp?ArticleID=198
Page 4 of 4